วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

10อันดับแอปพลิเคชั่นบน iphone

10 อันดับแอพพลิเคชั่นขายดีบนไอโฟน

กระแสความแรงของไอโฟนในบ้านเราอาจจะดูแผ่วๆ ลงไป เพราะต่างคนต่างก็มีเครื่องเป็นเจ้าของกันเรียบร้อยแล้ว ไม่เหมือนตอนที่วางขายใหม่ๆ ที่ต้องต่อคิวกันยาวเหยียด เอาล่ะ สำหรับท่านที่มีเครื่องในมือแล้วอยากลองหาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เจ๋งๆ มาใช้งานบนไอโฟนสุดรักของคุณแล้วล่ะก็ ตามมาดูเลยครับ

1. WhatsApp Messenger
ในบรรดาแอพพลิเคชั่นที่ออกมาเอาใจขาแชทนั้นมีให้เลือกหลากหลาย แต่โหลดไปแล้วไม่มีคนมาแอดเป็นเพื่อนก็ไม่รู้จะใช้ทำไม แต่ถ้าเป็น WhatsApp Messenger ได้แก้ปัญหาตรงจุด เพราะโปรแกรมจะทำการสแกนหาเพื่อนที่ใช้แอพพลิเคชั่นนี้จากในสมุดโทรศัพท์ของเรา และจะดึงรายชื่อในสมุดโทรศัพท์มาแสดงให้เราอัตโนมัติ ดังนั้นเพื่อนคนไหนที่ดาวน์โหลด WhatsApp Messenger ไปใช้งานแล้วออนไลน์ด้วยหมายเลขโทรศัพท์ เราก็จะแชทได้ทันที และที่สำคัญสามารถแชทกับเพื่อนๆ ที่ใช้แบล็คเบอร์รี่แล้วลง WhatsApp Messenger ก็ได้ด้วยเช่นกัน
ราคา : 0.99 $
ผู้พัฒนา : WhatsApp Inc.

2. Angry Birds Seasons
ติดอันดับเกมทำเงิน และทุบสถิติการดาวน์โหลดไปแล้ว มาคราวนี้พร้อมกับธีมคริสต์มาส เสียงเพลงที่เข้ากับเทศกาล และด่านใหม่ๆ ให้ได้เล่นกันจุใจ ตัวเกมยังคงมาในแนวเดิม แต่มีอุปสรรคใหม่ๆ ให้บรรดาเหล่านกพิโรธได้เจาะทำลายกำแพงกั้นที่มีหลายชนิด ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้นกกริ้ว ห้ามพลาดเด็ดขาด
ราคา : 0.99 $
ผู้พัฒนา : Rovio Mobile Ltd.

3. Infinity Blade
อันดับ 3 เป็นเกมใหม่ล่าสุด น่าจะถูกใจผู้ชายโดยเฉพาะ การเล่นก็เพียงแค่ใช้นิ้วแตะแล้วลากไปยังตัวศัตรูเสมือนตวัดดาบ ตัวเกมมีภาพกราฟิกที่สวยงามมาก แต่ก็กินพื้นที่หน่วยความจำไปถึง 318 เมกะไบต์เลยทีเดียว แถมยังมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเกมทั่วไปที่มีในแอพสโตร์ แต่ถ้าชอบเกมแนวนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ราคา : 5.99 $
ผู้พัฒนา : Chair Entertainment Group, LLC

4. Angry Birds
เป็นเกมที่ติดอันดับ 1 ใน 5 มาค่อนข้างนาน ซึ่งเป็นเกมออริจินอลก่อนที่จะแตกภาคใหม่ออกมา ซึ่งล่าสุดก็ติดอันดับสองไปแล้ว ใครที่ยังไม่เคยลองแนะนำให้เล่นภาคนี้ก่อน แล้วค่อยไปต่อภาคอื่นๆ นะครับ
ราคา : 0.99 $
ผู้พัฒนา : Rovio Mobile Ltd.

5. Hotel Dash
ใครที่ชอบเกมแนวแดช (Dash) ห้ามพลาดเด็ดขาด ซึ่งตัวเกม Hotel Dash เป็นเกมแนวจัดการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ในเกมนี้จะต้องจัดสรรตั้งแต่หน้าล็อบบี้ไปจนถึงห้องพักเพื่อให้แขกที่เข้ามาพักได้รับความพึงพอใจสูงสุด และแน่นอนว่าค่าตอบแทนคือเงินที่จะสร้างสรรค์โรงแรมให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น จะรอช้าอยู่ใย ได้เวลาต้อนรับแขกที่มารอเข้าพักได้แล้ว
ราคา : 0.99 $ (ลดราคาพิเศษ จำกัดระยะเวลา)
ผู้พัฒนา : PlayFirst, Inc.

6. Three Kingdom TD – Legend of Shu
สามก๊กในตำนานได้วางจำหน่ายออกมาเป็นเกมแนววางแผนเรียบร้อยแล้ว ภาพเกมที่ออกมาเป็นแนวการ์ตูนน่ารัก เล่นแล้วไม่เครียดเหมือนอ่านหนังสือหนาๆ ที่อ่านแล้วชวนง่วงนอน เมื่อเล่นไปแล้วก็สามารถเลือกอาวุธ อัพเกรดอาวุธ เสื้อเกราะให้แข็งแกร่งได้อีก เมนูเกมเป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีภาษาจีนให้ต้องเดาปวดหัว ถ้าพร้อมแล้วก็ออกรบได้เลย
ราคา : 2.99 $
ผู้พัฒนา : Beijing Astepgame Co., Ltd.

7. 360 Panorama
เบื่อกล้องไอโฟนที่ทำได้แค่กดถ่ายได้อย่างเดียวไหม มาลอง 360 Panorama ที่จะทำให้คุณถ่ายภาพในมุมกว้างได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดถ่าย แล้วแพนกล้องไปยังมุมที่ต้องการ โปรแกรมจะทำการเชื่อมต่อภาพให้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมาต่อภาพเอง เสร็จแล้วจะส่งแชร์ให้เพื่อนๆ ก็ทำได้ง่ายๆ ใครสนใจรีบซื้อด่วน เพราะช่วงนี้ลดราคาเหลือ 0.99 $ เท่านั้น พลาดแล้วจะเสียดาย
ราคา : 0.99 $ (ราคาพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว)
ผู้พัฒนา : Occipital, LLC

8. Dungeon Hunter 2
สานต่อความสำเร็จด้วยภาคสอง กับเกมแนว RPGs ที่สามารถเล่นได้ทั้งไอโฟน และไอพอดทัช ภาคนี้พัฒนาให้มีภาพกราฟิกให้ดูสวยงามกว่าเดิม มีฉากผจญภัยที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ จึงทำให้เกมมีขนาดใหญ่ถึง 540 เมกะไบต์ กับค่าย Gameloft ที่น่าจะการันตีความสนุกสุดยอด ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
ราคา : 6.99 $
ผู้พัฒนา : Gameloft S.A.

9. Fruit Ninja
จากหลายเกมที่ผ่านมามีแต่เกมที่ดูแล้วน่าจะเครียด มาผ่อนคลายกับเกม Fruit Ninja กันบ้างดีกว่า เป็นเกมที่ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมาก เพียงแค่ใช้นิ้วตวัดเสมือนดาบฟันผลไม้ที่เด้งขึ้นมา ยิ่งฟันติดกันมาก ก็ยิ่งได้ค่าคอมโบ หรือได้คะแนนมาก ถ้าเบื่อๆ หรือหงุดหงิดใครก็มาระบายอารมณ์กับเกมนี้ได้เลย
ราคา : 0.99 $
ผู้พัฒนา : Halfbrick Studios

10. Cut the Rope
แต่ถ้าชอบเกมที่ใช้สมอง และความเร็ว เกมนี้น่าจะถูกใจใครหลายคน รูปแบบเกมคือตัดเชือกให้อมยิ้มหลุดไปตกที่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อย เกมจะมีให้เล่นหลายฉาก และยิ่งฉากหลังๆ จะยิ่งต้องใช้ความคิด และความเร็วในการตัดเชือกให้อมยิ้มไปตกในที่ที่ต้องการ เป็นเกมสนุก ฝึกลับสมอง ภาพกราฟิกน่ารัก สีสันสวยงาม ถ้ายังไม่อยากซื้อก็ลองดาวน์โหลด Cut the Rope เวอร์ชั่นทดลองเล่นก่อนก็ได้ครับ
ราคา : 0.99 $
ผู้พัฒนา : Chillingo Ltd.

10อันดับ iphone แอปฯ ราคาโหด

อันดับที่ 10 – Nursing Constellation Plus (Skyscape) – $179.99
แอปพลิเคชั่นทางการแพทย์ที่ออกแบบมาให้เหล่าคุณพยาบาลใช้ครับ โดยตัวแอปพลิเคชั่นนั้นจะเก็บรวบรวมเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นต่อเหล่านางพยาบาล เริ่มตั้งแต่เครื่องมือการคำนวนโดสยา พจนานุกรมทางการแพทย์ จวบไปจนถึงข้อมูลสรุปจากผลการวิจัยต่างๆ
อันดับที่ 9 – ROSIE Home Automation (Savant Systems LLC) – $199.99 *ล่าสุดวันนี้ที่เช็คลดเหลือ $49.99 แล้วครับ

หนึ่งแอปพลิเคชั่นที่น่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงในประเทศที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก ROSIE ครับ เพราะเจ้าโปรแกรมนี้จะเปลี่ยนเจ้า iPhone / iPod Touch ของเราๆ ท่านๆ ให้กลายเป็นรีโมทในการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์รับแสงต่างๆ จาก ROSIE ได้ทั้งหมดเลยทีเดียว
อันดับที่ 8 – iDerm (Numenes) – $199.99
แอปพลิเคชั่นตัวนี้จะทำหน้าที่ sync กับ Microsoft Dynamics CRM (Customer Relationship Management) และมีความสามารถเช่นเดียวกับเจ้า MDCRM ทั้งหมด จุดเด่นที่ต่างออกมาคือมันสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วยนะเออ
อันดับที่ 7 – Lexi-Dental Complete (Lexi-Comp) – $299.99
แอปพลิเคชั่นตัวนี้มีรูปแบบการทำงานคล้ายคลึงกับ Nursing Constellation Plus แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือมันถูกออกแบบมาให้เหล่าทันตแพทย์เขาใช้กัน โดยหากหมอฟันคนใดมีเงินถุงเงินถังไม่พอจะนำมาถลุง ทาง Lexi-Comp ยังเปิดโอกาสให้ได้มีติดเครื่อง iPhone ของคุณเอาไว้ด้วยการดาวน์โหลดเวอร์ชั่นที่ถูกลงกว่าเดิมในชื่อ Lexi-Dental Select

อันดับที่ 6 – Mobile Cam Viewer Enterprise Basic Version (mobiDEOS, Inc.) – $349.99
Mobile Cam Viewer มีความสามารถที่น่าสนใจคือการควบคุมระบบกล้องวิดีโอวงจรปิดได้อย่างครบวงจ ครอบคลุมไปจนถึง NVR, DVR หรือ ระบบ Video Server โดยการเข้ารหัสแบบ Encrypted
พักยกหน่อยหนึ่งหลังจากผ่าน 5 อันดับนับจากท้ายให้ได้ตกใจกันไปแล้ว เห็นไหมครับว่าเพียงห้าอันดับสุดท้ายนั้น ราคารวมของ Application พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ $1229.95 นั่นเท่ากับว่าราคาเฉลี่ยต่อ Application นั้นสูงถึง $245.99 หรือประมาณเกือบๆ 8000 บาทไทยกันเลยทีเดียว แต่อย่าเพิ่งตาลุกวาวไปครับ ความน่าตกใจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนี่เป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น ห้าอันดับสูงสุดของจริงกำลังรอเราอยู่ ไปดูกันต่อเลยดีกว่าครับ
อันดับที่ 5 – PDR Quote (Labra PTY LTD.) – $349.99
แอปพลิเคชั่นที่ใช้เพื่อการสร้างรหัส PDR (Paintless Dent Repair) และพวกออโตโมไบล์รีแพร์อื่นๆ PDR Quote มีฐานข้อมูลที่เต็มไปด้วยราคาอะไล่รถยนต์และรุ่นต่างๆ มากกว่า 900 รายการซึ่งผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนราคาและเพิ่มค่าภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปได้ตามกฏหมายของแต่ละท้องที่
อันดับที่ 4 – MATG (MyAccountsToGo) – $449.99
แอปพลิเคชั่นนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการการจัดการทางการเงินของ SAP BusinessOne และ Dynamics GP ได้ โดยนอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถโอนถ่ายข้อมูลผ่านทาง FTP, HTTP หรือ HTTPS ได้กับทางเซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการได้อีกด้วย
อันดับที่ 3 – iRa Pro (Lextech Labs) – $899.99
แอปพลิเคชั่นที่ได้รับการออกแบบมาให้กับผู้ที่ทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยระดับมืออาชีพหรือบรรดาเจ้าของห้างร้านธุรกิจต่างๆ ที่มีความต้องการมอนิเตอร์สินค้าหรือบริการของตัวยเองอย่างใกล้ชิดชนิดได้ทุกเมื่อแค่ถือ iPhone / iPod Touch เอาไว้ในมือ โดยจะมอนิเตอร์ผ่านทางกล้องวงจรปิด เช่นเดียวกับการทำงานของ Mobile Cam Viewer ที่ราคาถูกกว่ามากเลยทีเดียว
อันดับที่ 2 – BarMax: California Edition (BarMax LLC.) – $999.99
หนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่ราคาสูงที่สุดในโลกสำหรับ iPhone / iPod Touch นั้นมีต้นกำเนินมาจากบริษัท BarMax LLC. ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะอีกเช่นเคย โดยกลุ่มเป้าหมายที่ว่าก็คือเหล่านักเรียนกฏหมายเงินทุนหนาที่สามารถลงทุนซื้อประมวลข้อสอบกฎหมายรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีราคาสูงถึงเกือบๆ สามหมื่นห้าพันบาทนี้ไว้ในครอบครอง (ผมกำลังพยายามคำนวนความต่างกับหนังสือคีย์ในบ้านเราครับ อืมมม…ไม่ต้องคิดก็เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน) โดยเจ้า BarMax นั้นมีฐานข้อมูลคำถามที่เคยปรากฏในข้อสอบมาแล้วมากถึง 1371 ข้อบวกกับอีก 100 หัวข้อเรียงความในข้อสอบที่ผ่านมาจึงทำให้เป็นที่หมายปองของนักเรียนกฎหมายลูกผู้ดีชาวมะกันอยู่มากเลยทีเดียว BarMax ยังมีเวอร์ชั่นรวมรัฐ เวอรชั่นนิวยอร์ก และเวอร์ชั่นของอีก 5 รัฐที่คาดการว่าจะพร้อมเซิร์ฟให้ผู้ที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปใช้กันได้ภายในสิ้นปี 2010 นี้อีกด้วยครับ แบบนี้เห็นที BarMax LLC น่าจะเป็นบริษัททำ  E-Book (ก็เกือบๆ ใช่ล่ะน่า) ที่มีมูลค่าการตลาดสูงสุดแล้วล่ะมั้งครับเนี่ย
อันดับที่ 1 – iVIP Black (iVIP Ltd.) – $999.99
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงอันดับที่ 1 กันสักที โดยสิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทราบก่อนจะกระโดดมาทดลองเล่น iVIP Black คือ คุณต้องเป็นเศรษฐีครับ! เพราะเมื่อคุณซื้อแอปพลิเคชั่นไปแล้วเปิดใช้งานครั้งแรก แอปพลิเคชั่นจะถามคุณคำถามแรกเลยว่าคุณเป็น “ผู้มีรายได้มหาศาล” หรือไม่ ซึ่งหากคุณตอบว่าไม่ แอปพลิเคชั่นก็จะไม่อนุมัติคุณให้ใช้งานบริการของมันในทัน และอย่างหนึ่งที่ต้องท่องใส่สมองไว้ตลอดคือบริษัท iVIP Ltd. นั้นตั้งอยู่หลักใหญ่ใจกลางสหราชอาณาจักร เพราะฉะนั้นจะรวยด้วยเงินบาทหรือเงินดอลธรรมดาๆ ได้ซะทีไหนล่ะครับ คุณต้องรวยด้วยเงินปอนด์ซึ่งเป็นหน่วยเงินของประเทศกลุ่มนั้นเขา (หากคิดไม่ออก ปอนด์แพงกว่าดอลลาร์เข้าไปอีก 1.6 เท่าครับ) ผู้อ่านบางคนอาจนึกค้านในใจว่าเฮ้! ฉันรวยด้วยเงินปอนด์นะ ดังนั้นฉันผ่าน (เอ่อ…หากรวยแบบนี้เอาเงินมาทำประโยชน์ดีกว่าครับ ^^ มาสนับสนุนผู้วิจารณ์แทนก็ได้นะครับ อิอิ) ยังครับ เรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะหากคุณต้องการใช้บริการที่ทาง iVIP Ltd. มอบให้อย่างจริงๆ จังๆ ครบทุกฟังค์ชั่นแล้วล่ะก็ คุณยังต้องบินไปใช้บริการถึงประเทศอังกฤษอีกด้วยครับ!
หลายๆ คนอาจจะสงสัยกันแล้วว่าความต้องการพื้นฐานสำหรับผู้ที่จะมาใช้ iVIP Black นั้นมันช่างมากมายขนาดนี้ แล้วตัวโปรแกรมมันทำอะไรได้ล่ะนี่…สิ่งที่ iVIP ทำได้ก็คือการเป็นใบผ่านทางให้คุณได้เข้าซื้อสินค้าหรือบริการระดับเอ็กซ์คลูซีพมากมาย เริ่มตั้งแต่ Penthouse ในลอนดอนและนิวยอร์ค เกาะส่วนตัว ร่วมหุ้นฟาร์มม้า ขับเฮลิคอปเตอร์ และพวกวีไอพีเลาจ์อื่นๆ ที่คนทั่วๆ ไปอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่มีสิทธิ์เข้าถึง ที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือ iVIP Black สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้งานของผู้ถือครองโปรแกรมได้เป็นอย่างดีด้วย ซึ่งนอกจากเจ้าแอปพลิเคชั่นนี้แล้ว ทาง iVIP Ltd. ยังมีแอปพลิเคชั่นลูกอีกตัวที่ราคาแพงหูรูดฉีกให้กับชาว iPhone / iPod Touch อีกเช่นกันภายใต้ชื่อ iVIP Blue ($449.99) ส่วนอีกหนึ่งตัวนั้นสำหรับคนเดินดินอย่างพวกเรา iVIP Red ซึ่งเป็นฟรีแอปพลิเคชั่นครับ
จะเห็นได้ว่า ในส่วนของ 5 แอปพลิเคชั่นทอปราคาสุดแพงนั้น Apple iPhone AppStore กวาดเหมารวมไปอีก $3699.95 หรือเฉลี่ยน 5 อันดับแพงสุดอยู่ที่ $739.99 ต่อหนึ่งแอปพลิเคชั่น โอ้วซาร่า มันจอร์จจริงๆ…
ได้เห็นรายชื่อและคุณสมบัติของเจ้า 10 แอปพลิเคชั่นที่ราคาสูงสุดใน Apple iPhone Appstore กันไปแบบนี้แล้ว ผมเชื่อแน่ว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนคงอยากจะไปหามาเป็นเจ้าของ (แค่คงไม่ใช่ด้วยวิธีการซื้อล่ะมั้งครับ) เพื่อถือดูโก้กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับเจ้าแอปพลิเคชั่นตัวสุดท้ายที่แม้เราจะใช้ประโยชน์อะไรมันไม่ได้เลยแต่ก็คงเพิ่มความโก้ให้เราได้ไม่หยอกหากลองได้มีติดเครื่องไว้บ้าง หรือหากตอนนี้ใครมีตัวไหนหรือสนใจตัวไหนเป็นพิเศษแล้ว อย่าลืมมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ จะเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนบทความ ไม่ว่าใครก็ตามมากโขเลยทีเดียวครับ

รู้เฟื่องเรื่องโนเกียซีรี่ส์ต่างๆ รุ่นไหนมีดีอย่างไร ??

ที่ผ่านมาเราคงได้เห็นมือถือออกมาหลายรุ่นมากๆ ในท้องตลาด ซึ่งหลายรุ่นนั้นก็มีชื่อรุ่น (และเลขรุ่น) ที่แตกต่างกันไป แต่คุณทราบมั้ยครับว่า เลขรุ่นที่คุณเห็นนั้นเน้นการใช้งาน เน้นกลุ่มผู้ใช้ในด้านใดกันบ้าง โดยแบรนด์ใหญ่ๆ ในปัจจุบันอย่าง Nokia, Samsung และ SE ได้แบ่งเลขรหัสรุ่นตามการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามฟังก์ชั่นการใช้งานของเครื่องนั้นๆ วันนี้ผมจะนำเสนอของโนเกียเป็นหลัก อยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ลองไปดูกันครับ

  รู้สึกว่าโนเกียจะแบ่งรหัสรุ่นตามซีรี่ส์ได้ชัดเจนมากมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แล้ว และใช้มาเรื่อยยันปัจจุบันนี้ แม้จะต้องเปลี่ยนแปลงไปสักหน่อย (เดี๋ยวจะมีข้อมูลตามมาในช่วงหลัง) แต่รุ่นส่วนใหญ่ที่มีขายในท้องตลาดก็ยังคงยึดระบบ "8 Series 1N 1E" เหมือนเดิม ต่อไปจะเป็นรายละเอียดของแต่ละซีรี่ส์ครับ
 
[ Nokia 1100 ขายดีมากกว่า 200 ล้านเครื่องทั่วโลก ]
[ Nokia 1616 มือถือรุ่นเล็ก มีวิทยุ ราคาถูกสุดๆ ]
1xxx Series - ไม่พลาดทุกการติดต่อ ใช้งานง่าย ราคาสุดประหยัด

  ส่วนใหญ่ผู้ใช้มือถือที่ไม่ได้สนใจด้านเทคโนโลยีมากนัก วันๆ เอาแค่โทรออก รับสายก็พอแล้ว ต้องมาดูมือถือในซีรี่ส์ 1 ครับ ซึ่งมีรุ่นให้เลือกในตลาดไม่น้อยเหมือนกัน ส่วนใหญ่มือถือซีรี่ส์นี้จะมีฟังก์ชั่นพื้นๆ นอกเหนือจากโทรอย่าง SMS/MMS GPRS วิทยุ กล้อง VGA และทั้งหมดไม่สามารถเพิ่มเมมโมรี่ภายนอกได้ครับ สำหรับรุ่นที่เป็นที่รู้จักกัน อย่างเช่น 1100, 1200, 1202, 1650, 1661, 1680 Classic
รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์

   Nokia 1680 Classic น่าจะเป็นรุ่นที่มีฟังก์ชั่นค่อนข้างดีที่สุดในกลุ่ม เพราะรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Edge ติดกล้อง VGA หน้าจอ 1.8 นิ้ว รองรับการส่งข้อความ MMS แม้ว่าจะไม่มีวิทยุเหมือนรุ่นอื่นๆ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าคุณสมบัติของ 1680c. ค่อนข้างดีในตระกูล 1 ด้วยกัน
[ Nokia 2100 มีให้เลือกหลากสีสัน ]
[ Nokia 2600 Classic จอสี บลูทูธ บางเฉียบ ]
[ Nokia 2690 วางขายในไทยล่าสุด ]
2xxx Series - ครบเครื่องทุกการใช้งานพื้นฐานในเครื่องเดียว

  ซีรี่ส์ 2 โดยปกติแล้วก็ต้องมีลูกเล่นอะไรๆ มากกว่าเลข 1 อยู่แล้ว โดยมือถือในกลุ่มนี้เริ่มที่จะมีลูกเล่นพื้นฐานต่างๆ ครบถ้วนสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น บลูทูธ, MP3, กล้อง, เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Edge พร้อมใช้งานเป็นโมเด็มเมื่อต่อกับคอมพิวเตอร์, เพิ่มเมมโมรี่การ์ดได้, รองรับหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ฯลฯ ทั้งหมดนี้คุณจ่ายแค่ประมาณ 2-3 พันบาทก็ได้เครื่องมาใช้งานแล้ว

รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์


สำหรับมือถือรุ่น Top ใน Series นี้มี 2 รุ่นด้วยกัน ต่างคนต่างมีดีในคนละด้านกันครับ
   Nokia 2730 Classic เป็นมือถือทรงแท่ง ลูกเล่นส่วนใหญ่คล้าย 2700 Classic เช่น หน้าจอสีคมชัด 2.0 นิ้ว, รองรับการเชื่อมต่อ Edge พร้อมใช้งานเป็นโมเด็มได้, กล้อง 2 ล้านพิคเซล, เพิ่มเมมนอกได้ 8GB, รองรับหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และแบตอึด 1020 mAh แต่สิ่งที่ทำให้ 2730 Classic แซงหน้าชาวบ้านได้ก็คือ "รองรับการเชื่อมต่อ 3G" และแน่นอนคือ คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาประมาณ 3300 บาทเท่านั้นเอง
   ส่วนรุ่นที่สองคือ Nokia 2710 Navigator เพิ่งออกมาไม่นานนี้เอง เป็นมือถือรุ่นเล็กสุดของแบรนด์ที่รองรับ "GPS, A-GPS" พร้อมโปรแกรม Nokia Maps (S40) และ License นำทางฟรีตลอดชีพ หน้าจอใหญ่ 2.2 นิ้ว ติดกล้อง 2MP แต่ไม่รองรับ 3G รุ่นนี้ยังไม่วางขายในไทยนะครับ
[ Nokia 3310 รุ่นสุดฮิตในอดีต ]
[ Nokia 3110 Classic รุ่นสุดฮิตในยุคใหม่ ]
[ Nokia 3720 Classic รุ่นอึด ถึก แห่งปี ]
3xxx Series - ใช้งานสะดวกทุกฟังก์ชั่น เชื่อมต่อออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลาทั่วโลก

  ปัจจุบันซีรี่ส์ 3 แทบจะไม่มีรุ่นใหม่ออกมาเลยครับ เพราะคุณสมบัติในตัวจะออกไปเกทับกับซี่รี่ส์ 2 ซะหมด และหลายๆ รุ่นในซี่รี่ส์อื่นก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนๆ กัน ซี่รี่ส์ 3 จะเน้นการใช้งานหลากหลายในตัว ด้วยความสามารถที่มากกว่าซีรี่ส์ 2 และยังแหวกแนวการใช้งานแบบถึกๆ อย่างรุ่น 3720 Classic ที่เพิ่งวางขายไม่นานนี้อีกด้วย
รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์

   เนื่องจากรุ่นในซีรี่ส์นี้เหลืออยู่ไม่กี่รุ่น ดังนั้นรุ่นที่น่าจะมีความสามารถสูงสุดคงไม่พ้น "Nokia 3710 Fold" เป็นมือถือฝาพับโนเกียที่มีคุณสมบัติสูงสุดของแบรนด์ในปัจจุบัน (ที่ยังวางขาย) คุณสมบัติโดยรวมคล้าย 6303 Classic คือ หน้าจอ 2.2 นิ้ว (มีหน้าจอนอกด้วย), เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Edge/3G, MP3, วิทยุ, เพิ่มเมมโมรี่ได้สูงสุด 8GB, กล้อง 3.2 ล้านพิคเซล และยังรองรับ A-GPS ไว้ชี้ตำแหน่งคร่าวๆ อีกด้วย นอกจากนี้วัสดุตัวเครื่องงยังลดโลกร้อนด้วยการใช้พลาสติกแบบรีไซเคิลถึง 60% แต่เสียดายที่มันไม่วางขายในไทยครับ
[ Nokia 5510 เป็นมือถือรุ่นแรกที่ฟัง MP3 ได้ ]
[ Nokia 5700 XpressMusic หรือเรียกว่ารุ่นหมุนตูด 2 ]
[ Nokia 5530 XpressMusic ]
5xxx Series - เต็มที่ไปกับเสียงเพลง ครื้นเครงได้ทั้งวัน

  ซี่รี่ส์ 4 สำหรับโนเกียแล้วไม่มีครับ เพราะเค้าถือโชคลางกันพอสมควร เลยข้ามมาดูซีรี่ส์ 5 ที่ปัจจุบันน่าจะเป็นซีรี่ส์ทำเงินได้ไม่น้อยในแบรนด์นี้ เดิมซีรี่ส์นี้จะเน้นมือถือถึกๆ มากกว่า แต่ภายหลังได้นำมาใช้ในกลุ่ม "Music phone" อย่าง XpressMusic ซะมากกว่า เช่น 5130, 5330, 5530, 5800 XpressMusic และปัจจุบันก็ยังคงมีวางขายอยู่หลายรุ่น รวมถึงรุ่นที่ไม่ได้พ่วงด้วย XpressMusic อย่าง Nokia 5230
รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์

ในรุ่นตระกูลเลข 5 ไม่มีใครงามหน้าเท่ากับ "Nokia 5800 XpressMusic" แล้วครับ เนื่องจากคุณสมบัติในตัวเทียบเท่าสมาร์ทโฟนรุ่นสูงๆ ได้เลย จุดเด่นในตัวอยู่ที่ใช้ระบบทัชสกรีนบนหน้าจอ 3.2 นิ้ว รันบนระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน 9.4 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทั้ง Edge/WiFi/3G นำทางด้วยระบบ GPS พร้อมโปรแกรม Ovi maps ฟรี แบตอึด 1320 mAh ติดกล้อง 3.2MP+AF ฟังก์ชั่นเยอะจุใจเลยนะเนื่ย

ปัจจุบันยังคงวางขายอยู่นะครับ สนนราคาศูนย์ที่ 10900 บาทเท่านั้น
[ Nokia 6110 Navigator ]
[ Nokia 6300 ]
[ Nokia 6700 Classic สวย ทน มากความสามารถในตัว ]
6xxx Series - มือถือฟังก์ชั่นเด็ด ผู้ช่วยส่วนตัวพกพาสะดวกในมือของคุณ

  หากไม่นับรวมพวก Nseries ที่ลูกเล่นครอบจักรวาลแล้ว ผมถือว่ามือถือหลายๆ รุ่นในซีรีส์ 6 น่าจะทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารทั้งโทรปกติ หรือจะออนไลน์ผ่านอินเตอร์ได้ดีมากๆ ใช้งานลูกเล่นรองอย่างกล้อง ระบบนำทาง ข้อความ ฯลฯ ได้ดีไม่แพ้มือถือรุ่นใหญ่ ข้อได้เปรียบสุดๆ ของมือถือกลุ่มนี้คือ "ขนาดเล็ก" พกพาได้สะดวกสบาย แม้จะมีข้อจำกัดบ้างอย่างเช่น หน้าจอเล็ก แบตไม่อึดเท่าที่ควร แต่ราคาส่วนใหญ่ก็ถือว่า เอื้อมได้สบายๆ ครับ
[ Nokia 6720 Classic ]
รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์

   รุ่นที่คุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์สุดๆ ผมยกให้ Nokia 6720 Classic ละกัน เนื่องจากเป็นรุ่นที่ค่อนข้างลงตัวกับคุณสมบัติสุดคุ้มในตัว หน้าจอ 2.2 นิ้ว, ระบบซิมเบี้ยน 9.3, ลำโพงสเตอริโอคู่, รองรับการเชื่อมต่อ 3G/GPS, กล้อง 5 ล้านพิคเซลพร้อม AF เลนส์ Carl Zeiss
[ Nokia 7650 มือถือซิมเบี้ยนรุ่นแรกของแบรนด์ ]
[ Nokia 7390 ฝาพับลวดลายสุดสวย ]
[ Nokia 7210 Supernova ดีไซน์น่ารัก บางเฉียบสุดๆ ]
7xxx Series - หรูหรา มีสไตล์ไปกับมือถือดีไซน์ไม่เหมือนใคร

  ก่อนหน้าจะเป็นซีรี่ส์ 7 สุดหรูในปัจจุบัน มือถือรหัสนี้เป็นมือถือรุ่นไฮเอนด์ที่จุฟังก์ชั่นใหม่ในตอนนั้น เช่น Nokia 7110 ที่รองรับ WAP รุ่นแรกของแบรนด์ (1998),  Nokia 7650 ใช้ซิมเบี้ยนรุ่นแรก (2002) และ Nokia 7610 ติดกล้องระดับ 1MP เป็นครั้งแรก (2004) จากนั้นเทคโนโลยีใหม่ๆ จะบรรจุลงใน Nseries แทน

  ต่อมามือถือซีรี่ส์ 7 จะอยุ่ในกลุ่ม "Fashion" เป็นหลัก เพราะดีไซน์ในแต่ละซีรี่ส์จะแตกต่างกัน เช่น L'amour Collection จะเน้นลวดลายแบบธรรมชาติ ตัดกับสีสันสบายตา, Prism Series เน้นดีไซน์เหลี่ยมตัดแบบอัญมณี และ Supernova ที่เน้นสีสันดีไซน์น่ารักสดใสสำหรับวัยรุ่น ปัจจุบันยังคงเหลือมือถือซีรี่ส์ขายอยู่น้อยรุ่นมาก เอาเฉพาะในไทย ยังพอหาตระกูล Supernova ได้อยู่ แต่หาซื้อยากมากๆ แล้วเหมือนกัน
รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์

   7610 Supernova เป็นรุ่นที่ติดฟังก์ชั่นมาให้สูงสุดของซีรี่ส์ในปัจจุบันครับ แม้สเปคจะไม่สูงเท่าไหร่คือ หน้าจอ 2.0 นิ้ว, ระบบ S40 UI, MP3, Bluetooth, กล้อง 3.2MP+AF แต่ก็มีข้อดีคือ ถอดบอดี้ภายนอกได้ง่าย น้ำหนักเบา และใช้งานง่ายมาก ปัจจุบันยังหาซื้อได้ในราคาราวๆ 6 พันกว่าบาท แต่ก็อย่างว่าคือ หายากครับ :)
[ Nokia 8250 รุ่นปีกผีเสื้อ ]

[ Nokia 8800 Sapphire Arte ]
8xxx Series - สุดยอดมือถือสุดหรูแห่งยุค โดดเด่นด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีช

  Nokia 8xxx เป็นมือถือที่ออกมาแบบ "Exclusive" มากพอสมควร ด้วยจำนวนเครื่องที่ออกมาน้อย ราคาสูงกว่าสมาร์ทโฟนรุ่น Top ของแบรนด์ถึง 2 เท่า แต่ผูัใช้จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง วัสดุตัวเครื่องใช้โลหะราคาแพง ทนทาน ตกแต่งด้วยอัญมณีเม็ดโต การประกอบปราณีตไร้ที่ติ ในขณะที่ฟังก์ชั่นภายในมีครบครันพอสำหรับใช้งานในเชิงธุรกิจได้ดี แน่นอนว่าเหมาะกับผู้ใช้ที่ใจถึง และเงินถึงจริงๆ ครับ
[ Nokia Erdos Concept ]
  ปัจจุบันรุ่นเด่นในซีรี่ส์นี้ไม่น่าจะวางขายในไทยแล้ว "Sapphire Arte" แต่จะมีรุ่นใหม่ออกมาโดยมี Codename ว่า "Erdos" ซึ่งยังคงรักษาดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลเลข 8 ไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดตัว และวางขายกันเมื่อไหร่
[ Nokia N70 Music Edition ]

[ Nokia N95 & Nokia N95 8GB ]
NSeries - เปลี่ยนมือถือของคุณให้เป็นสุดยอดมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์ในมือ

  สิ่งที่โนเกียนำเสนอใน Nseries คือ "สุดยอดสมาร์ทโฟนแห่งยุค" อย่างเช่น Nokia N70 ที่จัดกล้องระดับ 2 ล้านพิคเซลลงมือถือเป็นรุ่นแรกๆ และ Nokia N95 ที่ติดกล้อง 5 ล้านพิคเซล, ระบบนำทาง GPS และหน้าจอใหญ่ถึง 2.6 นิ้วเป็นครั้งแรก แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ถือว่าเป็นของใหม่ซะทีเดียวอย่างกล้อง 8 ล้านพิคเซลใน Nokia N86 แต่ทุกรุ่นของ Nseries ถือว่ามีความสามารถรอบตัวครบถ้วน ทางการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต บันเทิง ข้อความ โปรแกรมต่างๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถพกมือถือเครื่องเดียวแล้วใช้งานสากกะเบือยันเรือรบได้เลย
Nokia N86 - เรื่องกล้องชั้นไม่ยอมใคร !!

  แม้ว่าจะออกมาหลังชาวบ้านสำหรับกล้อง 8 ล้านพิคเซลของโนเกีย แต่ความสามารถไม่ธรรมดาครับ เลนส์ที่ใช้เป็นเลนส์ไวด์ 28 mm. ถ่ายภาพมุมกว้างได้ดี ความสามารถในการถ่ายในที่แสงน้อยทำได้ดีขึ้น คุณภาพรูปทำออกมาได้เหมือนจริง ไม่ทำให้ผู้ใช้ผิดหวัง ส่วนลูกเล่นเด่นอื่นๆ ในเครื่องก็อย่างเช่น หน้าจอ AMOLED 2.6 นิ้ว, ลำโพงคู่สเตอริโอ,  ระบบนำทาง, เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน 3G/WiFi/Edge, ระบบซิมเบี้ยน 9.3 ใครอยากได้ สนนราคาอยู่ราวๆ 14000 บาท !!
Nokia N900 - นี่แหละ !! สุดยอดมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์ของจริง

  ตอนแรกตำแหน่งนี้อยู่ที่ Nokia N97 แต่เมื่อ Nokia N900 ออกมา ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าตำแหน่งนี้ควรยกให้ N900 เป็นอย่างยิ่ง เพราะความสามารถในตัวนั้นไม่ธรรมดา รันบนระบบปฏิบัติการ Maemo 5 (อนาคตเป็น MeeGo) หน้าจอทัช 3.5 นิ้ว ความละเอียด 800x480 พิคเซล ซีพียู Cortex-A8 พร้อมชิปประมวลผลกราฟฟิคแยก ทั้งหมดนี้ทำให้ N900 น่าใช้มากๆ เพราะประมวลผลไว แสดงภาพสวยมาก ติดกล้อง 5MP แต่ช่วงนี้โปรแกรมรองรับอาจจะยังมีไม่มากเท่าไหร่ เพราะยังถือว่าเป็นของใหม่อยู่ครับ

  ในไทยจะวางขายในราคา 23390 บาท เริ่มขายกลางเดือนนี้ ใครพร้อมแล้ว เชิญสอยมาครอบครองได้เลย !!
[ Nokia E50 ต้นแบบความบางในแบบฉบับ Eseries ]
[ Nokia E61 ต้นแบบมือถือ QWERTY อันโด่งดัง E71-E72 ]

Eseries - เพิ่มโอกาสทางธุรกิจของคุณ ด้วยสุดยอดสมาร์ทโฟนตระกูล Eseries

  Eseries เกิดมาสำหรับการใช้งานในเชิงธุรกิจโดยเฉพาะครับ โดยเฉพาะฟังก์ชั่น Messaging ในซีรี่ส์นี้จะเด่นเป็นพิเศษ ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความต่างๆ ผ่านคีย์บอร์ด QWERTY (ใน E63,71,72) รับส่งเมลได้ทุกที่ทุกเวลา เชื่อมต่อออนไลน์ตลอดวันผ่าน 3G/WiFi/Edge จัดการตารางเวลาอย่างมือโปรผ่านระบบออร์แกนไนซ์เซอร์ของเครื่อง ลงโปรแกรมต่างๆ ได้ผ่านระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน 9.3 สำหรับผู้ที่ต้องการมือถือพกพาง่ายๆ จะมี Nokia E52 ที่บางเฉียบสุดๆ ให้เลือกอีก เรียกได้ว่ามันเหมาะกับคนทำงานเป็นอย่างมาก
รุ่นสุดเด็ดของซีรี่ส์

  ตอนนี้ที่ฮิตกันสุดๆ คือ "Nokia E72" ครับ เนื่องจากความสามารถในตัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับราคา บอดี้ดีไซน์ทนทาน ฝาหลังสเตนเลส ระบบภายในใช้ซิมเบี้ยน 9.3 ติดกล้อง 5MP+AF ระบบนำทางพร้อม Ovi Maps ในตัว เชื่อมต่อ Social Network ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน 3G/WiFi/Edge คีย์บอร์ด Full QWERTY ใหญ่กว่าเดิม แบตเตอรี่อึด 1500 mAh ใช้งานข้ามวันกันได้เลย สนนราคาอยู่ราวๆ 14000 บาท
[ Nokia E90 Communicator ]
[ N770 Tablet โทรออกไม่ได้นะจ๊ะ ]

รหัสรุ่นที่ถูกลืม

  ยังมีอีกหลายซีรี่ส์เหมือนกันที่ไม่ได้กล่าวในนี้ เพราะเลิกทำตลาดไปแล้ว อย่าง N-Gage 1 ที่อยู่ในดวงใจของผู้ใช้หลายๆ คน, กลุ่ม Communicator (Nokia 9xxx และสุดท้ายคือ Nokia E90), กลุ่ม Tablet (770, N800, N810) และ Vertu โทรศัพท์ราคาแพงหูฉี่สำหรับเศรษฐีใช้ (แน่นอนว่าอยู่ในเครือของโนเกียเหมือนกัน) แต่ตัว vertu นี้ยังไม่เลิกออกรุ่นใหม่นะครับ คล้ายๆ กับซีรี่ส์ 8 ต้องรอเค้าสรรค์สร้างของใหม่ก่อนนิดนึง :)

ปฏิวัติรหัสใหม่

  เนื่องจากเลขรหัสรุ่นเดิมๆ เกิดอาการ "ตัน" และผู้ใช้เกิดความสับสนระหว่างรุ่นต่างๆ ว่า มันเน้นใช้งานอะไรกันแน่ ดังนั้นโนเกียจึงแก้ปัญหาโดยการ "ปฏิวัติรหัสรุ่นเสียใหม่" เป็นแนวคิดที่มีมานานพอสมควรแล้ว แต่เพิ่งมาทำเอาเมื่อไม่นานมานี้ โดยโนเกียประกาศชัดเจนว่ารุ่นใหม่ๆ จะแบ่งออกมาตามรหัส "ตัวอักษร+ตัวเลข - ตัวเลข" เช่น Nokia C5-00 โดยจะเริ่มใช้ในรุ่นใหม่ๆ ตั้งแต่รุ่นราคาถูกสุดๆ ยันระดับหลายหมื่นบาท โดยแบ่งออกเป็น 5 หมวดหลักดังนี้
[ Nokia C5-00 ]
Cseries : เน้นในกลุ่มมือถือระดับกลาง - ล่าง รวมถึงกลุ่มมือถือราคาหลักร้อยบาทด้วย เช่น Nokia C5-00 ที่เปิดตัวล่าสุด อยู่ในระดับราคาประมาณ 6000 บาท
Xseries : ซีรี่ส์นี้ถูกเปิดตัวมาก่อนใคร และวางขายแล้ว 2 รุ่นคือ Nokia X3-00 และ X6-00 เน้นบันเทิงสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะด้านเพลง เจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาเป็นหลัก
Eseries : เน้นการใช้งานเชิงธุรกิจ โดยเฉพาะการรับส่ง Email-ข้อความอื่นๆ
Nseries : มือถือระดับไฮเอนด์ มัลติมีเดียคอมพิวเตอร์ รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต
Sseries : ระดับ Exclusive ราคาแพง และผลิตออกมาจำกัด

  อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ยังไม่ 100% นัก แต่ C-Xseries นั้นมีออกมาแล้ว และ E-Nseries ยังคงถูกใช้งานเหมือนเดิม ส่วน Sseries ยังไม่มีใครออกมายืนยันว่าจริงหรือไม่อย่างไร
  ทั้งนี้เราไม่อาจสามารถสรุปได้ว่า การปฏิวัติรหัสโนเกียยกแผงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้จำชื่อรุ่นต่างๆ ได้ง่ายขึ้นหรือไม่ เพราะเพิ่งจะทำ (และยังไม่เสร็จสมบูรณ์) และผู้ใช้ทั่วไปยังคงรู้จักโนเกียเลข 4 หลักกันซะส่วนมาก แต่ผมว่าโนเกียที่วางตลาดแล้วอย่าง X3 X6 ก็จำกันง่ายดีนะครับ อิอิ :D ทั้งหมดนี้คือข้อมูลมือถือซีรี่ส์ต่างๆ ของโนเกีย อาจจะมีขาดหายไปบ้างก็ต้องซอรี่กันนิดนึงนะครับ :)